หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2565

กลอนธรรมะ หลักธรรมนำชีวิต ควรคิดปฏิบัติ

..หลักชีวิต คิดปฏิบัติ..


แม้นจะอยู่ เหนือฟ้า ใต้บาดาล

ยมบาล ก็มองเห็น อยู่เช่นนั้น

ไม่ว่าไพร่ ผู้ดี มิเลือกวัน

เมื่อตามทัน ไม่มีรอด ทอดกายา

วันที่เกิด รู้ได้ วันไหนแน่

แม้จะแก่ ไปกี่ปี มีวันหา

แต่วันตาย ใครรู้ได้ วันไหนนา

คิดไปมา พาสังสัย ให้ทายเอย


ยามกำเนิด เกิดจาก รากบุญเก่า

ก่อนไปเผา กระทำช่วย ด้วยบุญเหวย

แม้นไม่สร้าง ไม่ก่อ พอคุ้นเคย

วันล่วงเลย หมดโอกาส ก็ขาดทุน

อย่ามัวแต่ นั่งนอน ถอนบุญเก่า

ให้น่าเศร้า มอดมลาย หายหมดสูญ

ไม่เร่งหา สะสมไว้ ให้เพิ่มพูน

คงอาดูล น่าเสียดาย เพราะตายฟรี


เกิดเป็นคน นั้นแสนยาก อยากให้รู้

มีเต่าอยู่ ใต้สุด สมุทรศรี

ตาก็บอด กว่าคนเห็น เป็นร้อยปี

โผล่มาที สู่ผิวน้ำ แล้วดำลง

มีห่วงคอ ลอยล่อง ผิวท้องน้ำ

หากเต่าตำ ทะลุห่วง ไม่ล่วงหลง

คือโอกาส เป็นมนุษย์ สุดมั่นคง

ถ้าไม่ตรง คงเป็น เล็นแมลง


เมื่อเป็นคน ให้รู้ อยู่ดีชั่ว

อย่าเมามัว ตามกิเลส วิเศษแสง

มัวเห็นยักษ์ เป็นนางฟ้า มาจำแลง

ไม่เคลือบแคลง ก็วิบัติ สมบัติพัง

เพราะบุญบาป ที่พาให้ ไปข้างหน้า

จิตนั้นหนา นั่งบนแคร่ แต่หนหลัง

สี่คนหาม สามคนแห่ แน่หรือยัง

ยามกายพัง ยังพึ่งคุณ บุญบาปเรา


หากรู้ความ จงหามิตร มาคิดคบ

ให้รู้จบ ควรคบไหม ให้เฉลา

อย่าไปคว้า มิตรชั่วๆ พามัวเมา

มิตรจะเผา ทรัพย์หมด จนอดตาย

มิตรที่ดี มีมาก ไม่ยากหา

ใช้เวลา ดูถ้วนถี่ มีสุขหลาย

มีเพื่อนกิน มากเป็นมอด พาวอดวาย

มีเพื่อนตาย เพียงหนึ่งคน ล้นเกินพอ


ว่าถึงคน โง่เขลามี สี่พวกหนา

หนึ่งชีวา มีเหมือนไร้ ใกล้ตายหนอ

ใช้ชีวิต โดยประมาท ขาดดีพอ

ไม่สร้างทอ บุญกุศล ผลอันใด

สองมีตา เหมือนไม่มี ดีไม่เห็น

หลงประเด็น ยึดมั่นตัว ของตัวไว้

สามมีทรัพย์ เหมือนคน ยากจนไป

ทานไม่ให้ หวงมาก จึงยากนาน

สี่ศาสนา มีอยู่ ไม่รู้ค่า

ไม่เสาะหา แก่นแท้ แก้สงสาร

หากรู้ว่า ตัวยังหลง จงแก้การณ์

ให้พ้นผ่าน เป็นคนเขลา เข้าสู่ทาง


อีกสี่พวก คนหลง จงตระหนัก

พวกหนึ่งรัก แต่คนอื่น ตื่นเคว้งคว้าง

พวกหนึ่งไม่ หาของไว้ ใช้กลางทาง

พวกหนึ่งสร้าง ของไม่ดี มีติดตัว

พวกหนึ่งทาง เตียนมี หนีเข้ารก

จึงหยิบยก มาไว้ ให้ทูลหัว

ใช้แก้ไข อย่าไป ใช้แก้ตัว

หลงเมามัว ไม่ดีหรอก บอกให้เอย


จะอรรถา ธิบาย ขยายความ

บุคคลตาม ที่กล่าว เล่าเฉลย

ว่าคนมี ชีวิต คิดละเลย

ทำเมินเฉย ดีไม่คิด ชีวิตตาย

ไม่รู้จัก บุญกุศล ผลอันเลิศ

ถึงจะเกิด เหมือนไม่เกิด ประเสริฐหาย

ดั่งคนมี ชีวิต แต่จิตตาย

ชีวาวาย ทั้งที่ มีชีวิต

ส่วนคนมี ดวงตา เหมือนตาบอด

พวกนี้กอด ยึดกาย ไม่หน่ายคิด

ด้วยปัญญา หามีไม่ ไปยึดติด

มองชีวิต ว่าของเรา ไม่เข้าใจ

อีกพวกมี ทรัพย์มาก เหมือนยากแค้น

พวกนี้แสน แหนหวง ปวงทรัพย์ไว้

ไม่คิดเสีย สละ ให้กะใคร

ถึงรวยได้ ไร้ประโยชน์ โปรดคิดตรอง

อีกพวกนั้น ได้ประสบ พบศาสนา

ไม่ศึกษา เข้าใกล้ธรรม ทำจองหอง

จึ่งเป็นคน นอกศาสนา พาตรึกตรอง

นี่จำจอง คนโง่หลง จงอย่าเป็น

กับอีกสี่ จำพวก ผนวกลง

พวกหนึ่งหลง คนอื่นนัก ต้องรักเร้น

ตัวของตัว ใยรัก ไม่ยักเป็น

ติดขี้เหม็น ของคนอื่น ชื่นหัวใจ

อีกพวกหนึ่ง ไม่ขวายขวน ของควรหา

ใช้พึ่งพา ทางกันดาร ทรมานได้

ขวนขวายหา แต่สิ่ง ต้องทิ้งไป

เอาไปใช้ ไม่ยักได้ ในยามตาย

อีกพวกหนึ่ง หาแต่บาป สิ่งหยาบช้า

ที่นำพา ไปแล้ว แคล้วสลาย

ทำแต่บาป อกุศล จนวอดวาย

ครั้นยามตาย ได้ติดตัว ชั่วบาปกรรม

พวกสุดท้าย ทางเตียนมี ที่เรียบเรียบ

หากจะเทียบ กุศลหนา พางามล้ำ

ถ้าเผลอไผล ไหลออก นอกทางธรรม

คงระยำ เข้ารก นรกไป


อันว่าทาง อย่างที่เตียน จะเขียนบอก

กุศลดอก สิบอย่าง สร้างเอาไว้

เรียกกุศล กรรมบท ทศสิบไง

ป้องกันภัย เป็นทางเตียน เพียรจดจำ

แบ่งได้เป็น สามหมวด ขมวดให้

ทั้งทางใจ ทางวาจา กายากรรม

ทางกายนั้น มีสาม ห้ามล่วงล้ำ

วจีกรรม มีสี่ ที่ควรเป็น

ส่วนมโน มีสาม ตามท่านว่า

คือโลภา อยากได้ ไม่วายเว้น

อีกพยาบาท ปองร้ายใคร ให้เป็นเวร

ทั้งความเห็น ให้ถูกต้อง ตามคลองทาง

กายกรรม สามอย่าง ต่างควรเห็น

ฆ่าสัตว์เป็น จากชีวิต ปลิดชีพล้าง

ลักขโมย จี้ปล้นใคร ไม่ละวาง

ละเมิดทาง ต่างเพศ เหตุไม่ควร

วจีกรรม มีสี่ ให้หนีห่าง

โกหกวาง หน้าตาย ให้หน่ายหวน

พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ละเมอครวญ

ด่ากลับสวน ด้วยคำหยาบ บาปอย่าทำ

ทั้งสิบนี้ หากละเว้น เป็นกุศล

เป็นทางคน เดินเรียบ เปรียบงามขำ

ส่วนตรงข้าม ตามที่กล่าว ฉาวระยำ

ทางรกตำ หนามเหน็บ เจ็บจนตาย


อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งยก ตกต่อมา

ควรรู้ว่า ดีชั่ว ทั่วความหมาย

แม้คนดี ให้รู้ดี ที่สบาย

คนใดร้าย รู้ว่าร้าย คลายกังวล

หากไม่รู้ พาพิกล อลมาน

คนดีพาน ไปด่าว่า น่าสับสน

คนชั่วช้า สรรเสริญ เพลินวกวน

ไม่รู้คน ใดมีคุณ ขาดทุนจริง

คนมีคุณ น่าเลื่อมใส ไม่เลื่อมใส

แต่กลับไป ศรัทธาล้น คนผีสิง

ผิดเช่นนี้ พาหลงแน่ สิ่งแท้จริง

ไม่เป็นมิ่ง ทางเจริญ เมินเถิดเรา

หลงเช่นนี้ จึงพลาด ขาดที่พึ่ง

ตนเองซึ่ง ควรพึ่งตน ให้พ้นเขลา

พึ่งกุศล ก่อร่าง สร้างใจเรา

เป็นหลักเสา ที่ปลอดภัย ให้ตนเอง


เกิดเป็นคน ตั้งตนไว้ ในความชอบ

อันประกอบ ด้วยศรัทธา ไม่พาเคว้ง

อยู่ในศีล มีสุตตะ จาคะเอง

ปัญญาเบ่ง บริสุทธิ์ ดุจดารา

หากไม่ตั้ง ตนไว้ ในทางถูก

เป็นดั่งถูก ราชทัณฑ์ นั้นแลหนา

เกิดเป็นคน ก็เสียชาติ พบศาสดา

ไม่นำพา ผลประโยชน์ ได้โทษแทน


เพราะเกิดได้ ยากเย็น เป็นมนุษย์

บุญบริสุทธิ์ นำให้เกิด บรรเจิดแสน

เกิดมาแล้ว ต้องต่อเติม เพิ่มบุญแทน

จึงถึงแดน เกษมสุข ปราศทุกข์ภัย

อย่างน้อยน้อย สิ่งควรถือ คือศีลห้า

เป็นของพา นำคน ไม่จนไร้

กุศลกรรม บทสิบ รีบสร้างไป

ทรัพย์ของใคร ก็ของมัน หมั่นสร้างเอา


เกิดเป็นคน สิ่งควรมั่น นั้นคือสติ

อย่าไปริ ตามลมปาก มากของเขา

จงตรึกตรอง ตามธรรม นำจิตเรา

พ้นมัวเมา สิ่งสมมุติ พบพุทธจริง

พระพุทธเจ้า ทรงตรัส ดำรัสแจ้ง

ผู้ใดแทง เห็นธรรม ล้ำทุกสิ่ง

เหมือนได้เห็น พระองค์ ดังองค์จริง

นี่คือสิ่ง พระองค์ ทรงรับรอง

คนบนโลก น้อยคนนัก จักเห็นธรรม

จึงพูดงำ ออกนอกทาง ต่างทั้งผอง

เราได้ฟัง ควรพินิจ พิจไตร่ตรอง

จึ่งจะครอง สติตน พ้นอาลัย

หากเห็นทาง สู่นิพพาน ต้องหาญสู้

ตั้งศีลสู่ สมาธิ สติอาศัย

ทำปัญญา วิปัสสนา พาวิจัย

ดูภายใน กายให้แจ้ง แจงให้ดี

อย่าไปหลง กลสังขาร ที่ผลาญสัตว์

สร้างบัญญัติ ให้ยึดถือ คือวิถี

ทั้งความรัก ความชัง ขังชีวี

เพลิงโลกีย์ เผาจิตมอด จนวอดวาย

อวิชชา สร้างให้หลง คงมีสี่

ดูให้ดี หลงรัก มักสลาย

หากหลงชัง พังได้ ให้ทลาย

หลงตัวหลาย หลงกลัวภัย ให้คิดดู

แหวกความหลง ตรงที่ มีไตรลักษณ์

คือประจักษ์ ความไม่เที่ยง เพียงให้รู้

สรรพสิ่ง ล้วนเป็นทุกข์ ฉุกคิดดู

ไม่ทนอยู่ เหลืออะไร ไร้ตัวตน

หากคิดได้ ทันสมมุติ สุดประเสริฐ

ปัญญาเกิด แจ่มใส ไม่สับสน

นั่นแลหนา ที่พึ่งพา ปัญญาตน

จึงจะพ้น สงสาร พากันเพียร


ความวิบัติ ของคน ด้นหกอย่าง

คติอ้าง คือกำเนิด เกิดหันเหียน

พ้นจากชาติ มนุษย์แล้ว แคล้วได้เรียน

ไม่อาจเพียร ตามรอยบาท พระศาสดา

อีกวิบัติ กาลเวลา มาไม่ตรง

เกิดไม่ลง ช่วงพอดี มีศาสนา

แม้เกิดทัน แต่ประเทศ อาเพศพา

อดศึกษา ก็วิบัติ ขัดเคืองไป

หากเกิดใน ประเทศ เพศถือพุทธ

แต่สะดุด เกิดในบ้าน เป็นพาลไซร้

เขาจะพา กีดกั้น กันเราไป

นี่จึงไม่ มีโอกาศ ก็ขาดทุน

แม้เกิดใน ตระกูล พูนกุศล

แต่ว่าตน เป็นบ้าใบ้ ไร้บุญหนุน

ปฏิบัติ ไม่ได้ ใกล้หมดบุญ

อุปธิคุณ วิบัติ เคืองขัดจริง

แม้เกิดมา ได้ครบ จบที่กล่าว

แต่จิตฉาว ด้วยทิฎฐิ สติทิ้ง

ไม่เข้าใกล้ ไม่ศึกษา พาพึ่งพิง

ทั้งหกสิ่ง ทำวิบัติ ตัดมรรคา

หากเราพ้น วิบัติได้ ในทั้งหมด

จิตใสสด บริสุทธิ์ ดุจเวหา

ดำรงศีล มั่นกุศล ดลนำพา

พระศาสดา คงได้พบ ประสบเอย


จะสรุป ความให้ เก็บไปคิด

แก้หลงผิด สุขใจ ได้เสวย

ก็สมบัติ ทั้งปวง อย่าห่วงเลย

มันแค่เคย ผ่านมา พาผ่านไป

มันไม่ใช่ ของเรา เอาแท้แท้

มันก็แปร ผันอยู่ คู่โลกไซร้

เราเพียงแค่ อาศัยมัน วันวันไป

ของเพียงใช้ ใช่เจ้าของ ของของมัน

หากละได้ เพียงนี้ มีคุณค่า

เป็นโสดา ปฏิมรรค จักรังสรรค์

หากยึดอยู่ ไปดูหา ป่าช้านั่น

ของใครกัน ถามดู อยู่ที่เมรุ

ถามบ้านนี้ รถนั้น นั่นของใคร

เสียงข้างใน เตาตอบมา ของตาเถร

คนถามอยู่ ข้างนอกว๋าย เป็นมายเกรน

ทั้งพระเณร คงแตกตื่น ไม่ชื่นใจ

ยามชีวิต ยังไม่ละ เร่งสะสม

รีบระดม สร้างกุศล ผลบุญไว้

สิ่งเป็นบาป ปราบพยศ ให้หมดไป

เราจึงได้ สมบัติแน่ ของแท้จริง

สมบัติโลก สมบัติธรรม นำไปต่าง

คนละทาง ยามชีพม้วย ช่วยหรือทิ้ง

สมบัติโลก หนีหายไป ไม่ได้อิง

กุศลสิ่ง ติดใจ ไปทุกทาง

เมื่อเกิดมา เป็นมนุษย์ พบพุทธะ

ในกาละ ศาสนา พากว้างขวาง

บ้านเมืองมี คำสอน ขจรกว้าง

ควรเร่งสร้าง ทิฏฐิ ผลิให้ตรง

ร่างกายเรา ยังสมบูรณ์ จำรูญหนา

ทั้งหูตา ก็ยังดี ไม่มีหลง

คบคนดี มีศีลธรรม ใจดำรง

เราก็คง งอกงาม ตามมรรคา

ขอฝากไว้ ประดับให้ ใจทั้งผอง

ลงในคลอง แห่งธรรม นำสุขหา

ขออวยพร ให้พ้น ดลนฤพา

ด้วยบุญญา บารมีนั้น นิรันดร์เถิดฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น