หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

บทสวดทำวัตรเย็น

ทำวัตรเย็น

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,         

พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ,    

ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน (กราบ)

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,      

พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว

ธัมมัง นะมัสสามิ        

ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,

พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว

สังฆัง นะมามิ  

ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์ (กราบ)

ปุพพะภาคะนะมะการะ

(หันทะทานิ มะยันตัง ภะคะวันตัง วาจายะ อภิคายิตุง ปุพพะภาคะ นะมะการัญเจวะ พุทธานุสสะตินะยัญจะ กะโรมะ เส)
(ว่าพร้อมกัน​ ๓​หน)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

อะระหะโต,                  

ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส

สัมมาสัมพุทธัสสะ     

ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
( จบแล้วสวด​พุทธานุสสะติ​ ต่อไปโดยไม่ต้อง​เว้นวรรค​)

พุทธานุสสติ

ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัล๎ยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต,
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ได้ฟุ้งไปแล้วอย่างนี้ว่า:-

อิติปิ โส ภะคะวา,                 

เพราะเหตุอย่างนี้ๆ, พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น

อะระหัง,                                

เป็นผู้ไกลจากกิเลส

สัมมาสัมพุทโธ,                   

เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

วิชชาจะระณะสัมปันโน,      

เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ

สุคะโต,                                   

เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี

โลกะวิทู,                                

เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,   

เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้  อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

สัตถา เทวะมะนุสสานัง,      

เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

พุทโธ,                          

เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน  ด้วยธรรม

ภะคะวา ติ              

เป็นผู้มีความจำเริญ  จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์, ดังนี้


พุทธาภิคีติ
(หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส)

พุทธ๎ะวาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต,         

พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ, มีความประเสริฐ  แห่งอะระหันตคุณเป็นต้น

สุทธาภิญาณะกะรุณาหิ สะมาคะตัตโต,        

มีพระองค์อันประกอบด้วย    พระญาณ, และพระกรุณาอันบริสุทธิ์

โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร,         

พระองค์ใดทรงกระทำชนที่ดี    ให้เบิกบาน, ดุจอาทิตย์ทำบัวให้บาน

วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา ชิเนนทัง,     

ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์, ผู้ไม่มีกิเลสพระองค์นั้น,  ด้วยเศียรเกล้า

พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,  

พระพุทธเจ้าพระองค์ใด, เป็นสะระณะอันเกษมสูงสุด  ของสัตว์ทั้งหลาย

ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,        
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น, อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกองค์ที่หนึ่ง   ด้วยเศียรเกล้า

พุทธัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ),  พุทโธ เม สามิกิสสะโร,

ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า, พระพุทธเจ้าเป็นนาย  มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,

พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม,  

พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์, และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า

พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,    
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้   แด่พระพุทธเจ้า

วันทันโตหัง (วันทันตีหัง)  จะริสสามิ,
พุทธัสเสวะ สุโพธิตัง,  

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม, ซึ่งความตรัสรู้ดี   ของพระพุทธเจ้า

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, พุทโธ เม สะระณัง วะรัง,       

ที่พึ่ง​อื่นของข้าพเจ้าไม่มี, พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง​อันประเสริฐ  ของข้าพเจ้า

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน,     

ด้วยการกล่าวคำสัจจะนี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนา  ของพระศาสดา

พุทธัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ), ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระพุทธเจ้า, ได้ขวนขวายบุญใด ในบัดนี้

สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา    

อันตรายทั้งปวง, อย่าได้มี แก่ข้าพเจ้า,   ด้วยเดชแห่งบุญนั้น
                                                

(หมอบลง)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,           

ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,             

กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า

พุทโธ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง,   

ขอพระพุทธเจ้าจงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น

กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ  

เพื่อการสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป.


ธัมมานุสสติ
(หันทะ มะยัง ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส)

ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,      

พระธรรมเป็นธรรม​ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ได้ตรัสไว้ดีแล้ว

สันทิฏฐิโก,         

เป็นธรรม​ที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง

อะกาลิโก,          

เป็นธรรม​ที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล

เอหิปัสสิโก,        

เป็นธรรม​ที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า, ท่านจงมาดูเถิด

โอปะนะยิโก,      

เป็นธรรม​ที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ        

เป็นธรรม​ที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน, ดังนี้.




ธัมมาภิคีติ
(หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส)

ส๎วากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย,      

พระธรรมเป็นธรรม​ที่ประเสริฐ เพราะประกอบด้วยคุณ, คือความที่พระผู้มีพระภาคเจ้า  ตรัสไว้ดีแล้วเป็นต้น

โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท,  

เป็นธรรมอันจำแนก  เป็นมรรค ผลปริยัติ  และนิพพาน

ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี,    

เป็นธรรมทรงไว้ซึ่งผู้ทรงธรรม, จากการตกไปสู่โลกที่ชั่ว

วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง,      

ข้าพเจ้าไหว้พระธรรม อันประเสริฐนั้น, อันเป็นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด

ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,  

พระธรรมใด, เป็นสะระณะอันเกษมสูงสุด  ของสัตว์ทั้งหลาย

ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,   

ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น, อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก  องค์ที่สอง ด้วยเศียรเกล้า

ธัมมัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ),  ธัมโม เม สามิกิสสะโร,        

ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม, พระธรรมเป็นนาย   มีอิสระเหนือข้าพเจ้า

ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม,   

พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์, และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า

ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,    

ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้   แด่พระธรรม

วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) จะริสสามิ, ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง,           

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม, ซึ่งความเป็นธรรมดีของพระธรรม

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, ธัมโม เม สะระณัง วะรัง,       

ที่พึ่ง​อื่นของข้าพเจ้าไม่มี, พระธรรมเป็นที่พึ่ง​อันประเสริฐ   ของข้าพเจ้า

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ, วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน,    

ด้วยการกล่าวคำสัจจะ​นี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนา  ของพระศาสดา

ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ), ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม, ได้ขวนขวายบุญใดในบัดนี้

สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา    

อันตรายทั้งปวงอย่าได้มี แก่ข้าพเจ้า  ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
                                                  

(หมอบลง)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,           

ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี

ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,                  

กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระธรรม

ธัมโม ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง,         

ขอพระธรรมจงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น

กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม

เพื่อการสำรวมระวังในพระธรรมในกาลต่อไป


สังฆานุสสติ
(หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,        
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว

ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,  

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด,ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรม​ เป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว

สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,   

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว

ยะทิทัง,              

ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ :-

จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,    

คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ

เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,   

นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า

อาหุเนยโย,                  

เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะ  ที่เขานำมาบูชา

ปาหุเนยโย,                  

เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะ  ที่เขาจัดไว้ต้อนรับ

ทักขิเณยโย,                 

เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน

อัญชะลิกะระณีโย,      

เป็นสงฆ์​ที่บุคคลทั่วไป  ควรทำอัญชลี

อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

เป็นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.

                                                                                                        
สังฆาภิคีติ
(หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส)

สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต,     

พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบด้วยคุณ  มีความปฏิบัติดีเป็นต้น

โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ,         
เป็นหมู่แห่งพระอริยบุคคล    ผู้​ประเสริฐแปดจำพวก

สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต,             
มีกายและจิตอันอาศัยธรรม      มีศีลเป็นต้นอันบวร

วันทามะหัง ตะมะริยานะ คะณัง สุสุทธัง,       

ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น, อันบริสุทธิ์ด้วยดี

สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,   

พระสงฆ์หมู่ใด, เป็นสะระณะอันเกษมสูงสุด  ของสัตว์ทั้งหลาย

ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,   
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น, อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก  องค์ที่สาม ด้วยเศียรเกล้า

สังฆัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ), สังโฆ เม สามิกิสสะโร,         

ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์, พระสงฆ์เป็นนาย  มีอิสระเหนือข้าพเจ้า

สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม,   

พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์, และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า

สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,    

ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้   แด่พระสงฆ์

วันทันโตหัง (วันทันตีหัง) จะริสสามิ, สังฆัสโสปะฏิปันนะตัง,         

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม, ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ์

นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, สังโฆ เม สะระณัง วะรัง,        

ที่พึ่ง​อื่นของข้าพเจ้าไม่มี, พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง​อันประเสริฐ  ของข้าพเจ้า

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ, วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน,  

ด้วยการกล่าวคำสัจจะ​นี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนา  ของพระศาสดา

สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (วันทะมานายะ),  ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ,

ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระสงฆ์, ได้ขวนขวายบุญใด ในบัดนี้

สัพเพปิ อันตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.   

อันตรายทั้งปวงอย่าได้มี แก่ข้าพเจ้า  ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
                                                   

(หมอบลง)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,          

ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี

สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,          

กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วในพระสงฆ์

สังโฆ ปะฏิคคัณ๎หะตุ อัจจะยันตัง,         

ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น

กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.    

เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป

(จบทำวัตรเย็น)

อะตีตะปัจจะเวกขะณะวิธี
 (นำ) หันทะ มะยัง อะตีตะปัจจะเวกขะณะ ปาฐัง ภะณามะ เส ฯ
 (รับ) อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต์วา ยัง จีวะรัง ปะริภุตตัง, ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ์หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ หิริโกปินะปะฏิจฉาทะนัตถัง ฯ
 ...อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต์วา โย ปิณฑะปาโต ปะริภุตโต, โส เนวะ ท์วายะ นะ มะทายะ นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ, ยาวะเทวะ อิมัสสะ กายัสสะ ฐิติยา ยาปะนายะ วิหิงสุปะระติยา พรัหมะจะริยานุคคะหายะ, อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ, ยาต์รา จะ เม ภะวิสสะติ อะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ ฯ
...อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต์วา ยัง เสนาสะนัง ปะริภุตตัง, ตัง ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณ์หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ, ยาวะเทวะ อุตุปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง ฯ
...อัชชะ มะยา อะปัจจะเวกขิต์วา โย คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ปะริภุตโต, โส ยาวะเทวะ อุปปันนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ, อัพ์ยาปัชฌะปะระมะตายาติ ฯ

บทสวดภาษาอังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น