หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเดินทางท่านพ่อลีในปราจีนบุรี


  ออกมาจากประเทศเขมรแล้วต่อจากนั้นได้เดินทางต่อไปจนถึงเขตแดนอำเภออรัญประเทศเข้าเขตประเทศไทย ได้พักอยู่ที่อำเภออรัญประเทศพอสมควรแล้วก็ออกเดินทางวิเวกไปตามชายเขาบรรทัด ตัดเข้าลึกจะข้ามเข้าเขต จ.นครราชสีมา มาทางช่องบุพราหมณ์ ขณะนั้นเป็นเวลาจวนเข้าพรรษา มีฝนตกมากตลอดทาง ทากชุม การเดินทางไม่ค่อยจะสะดวก จึงพากันเดินวกออกมาทางชายเขาพะงอบ เดินทางเรื่อยไปทาง ช่องวังหอก จนถึงบ้านตะคร้อ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เส้นทางช่องวังหอกนี้ ถ้าเดินตรงเรื่อยไปข้ามดงอีกดงหนึ่งก็เข้าเขตอำเภอกิ่งสะแกบ่าง และถึงนครราชสีมา แต่ตกลงใจไม่เดินทางต่อไปเพราะฝนกำลังตกชุกมาก และได้อยู่จำพรรษาในหมู่บ้านตะคร้อนี้ นับเป็นปี พ.ศ. ๒๔๗๗

หมู่บ้านตะคร้อนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขา มีห้วยใหญ่ไหลลงมาอำเภอประจันตคาม ได้พักจำพรรษาอยู่ที่เชิงเขา มีศิษย์องค์หนึ่งชื่อพระภิกษุสนธิ์ไม่ยอมอยู่ด้วย เขาได้เดินทางกลับผ่าน จ.ปราจีนบุรี ไปจำพรรษที่เขาคอก จ.นครนายก ตกลงจำพรรษาอยู่ด้วยกัน ๒ รูปและลูกศิษย์อีก ๒ คน ได้พักจำพรรษาอยู่ที่ศาลาเก่าๆ หลังหนึ่งริมห้วยใหญ่น้ำลึก ในพรรษานั้นได้ถูกน้ำป่าท่วมถึง ๗ ครั้ง บางครั้งท่วมมากถึงกับต้องขึ้นไปนอนอยู่บนขื่อศาลา รู้สึกว่าได้รับการทรมานอยู่มากในกลางพรรษานี้ หมู่บ้านนี้หนาแน่นด้วยยาเบื่อ ราษฎรนิยมการขโมยวัวขโมยควายมาฆ่า โจรผู้ร้ายก็ชุกชุมได้พยายามอบรมญาติโยมให้ละความชั่ว ประพฤติแต่ความดีจนกระทั่งบางคนถึงกับละทิ้งเรื่องยาเบื่อ และงดเว้นการฆ่าสัตว์ใหญ่ๆ อาทิเช่น วัวควาย ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ได้โด่งดังไปเข้าหูเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี วัดมะกอก

เมื่อออกพรรษาแล้ว เจ้าคณะจังหวัดปราจีนฯ ได้ขึ้นไปติดตามจนพบแล้วได้เรียกให้เราลงมาอยู่ด้วย เพราะท่านต้องการพระกรรมฐาน จึงได้พร้อมกับท่านเดินทางไปยัง จ.ปราจีนบุรี ท่านได้นำไปให้รู้จักกับผู้กำกับการตำรวจปราจีนบุรี ได้นำไปหาผู้ว่าราชการจังหวัด คือ หลวงสินธุสงคราม ซึ่งหลวงสินธุสงครามได้พูดกับเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรีคำหนึ่งว่า ให้ขอร้องให้เราอยู่สั่งสอนปราบคนร้ายตามชายเขาในเขตจังหวัดนี้ เมื่อได้ยินดังนั้นตัวเองนึกในใจว่า เราต้องรีบหนีออกจากจังหวัดนี้ มิฉะนั้นจะมีข้อผูกมัด เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็ได้นมัสการลาเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรีเดินทางไปอยู่ถ้ำหลวงตาเคน เขาอีโต้ แล้วเดินทางไปยังกิ่งอำเภอสระแก้ง อำเภอกบินทร์บุรีได้เดินทางเข้าดงลึก ไปสำรวจที่พักในเขาแห่งหนึ่งชื่อ เขาสิงห์โต เมื่อไปเห็นถ้ำแล้ว ไม่ชอบเพราะเป็นถ้ำทึบ จึงออกเดินทางหันหลังกลับลงมาจากเขา วันนั้นได้เดินลัดตัดดงจะข้ามไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้เดินหลงทางเพราะเป็นเวลากลางคืน ได้เดินอยู่จนกระทั่งเวลาประมาณตี ๔ บุกดงบุกป่าเพื่อมุ่งตรงไปหาหมู่บ้าน แต่กลับวกคืนกลับมาทางเดิม จนเกือบถึงกิ่งอำเภอสระแก้ว

วันรุ่งขึ้นเมื่อฉันจังหันเสร็จแล้ว ได้ออกเดินตัดดงมุ่งไปยังเขาฉกรรจ์ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากกิ่งอำเภอสระแก้วประมาณ ๑๕ กิโลเมตร พอไปถึงหมู่บ้านนี้ก็ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำเขาฉกรรจ์ ภายในถ้ำนี้เป็นสถานที่เงียบสงัดวิเวกไม่มีคนรบกวน เพราะเขาลูกนี้อุดมไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด เช่น เสือ หมี ซึ่งอาศัยอยู่รอบๆ เชิงเขา เวลากลางคืนดึกสงัด ขณะนั่งสมาธิได้ยินเสียงช้างร้องเดินเอางวงหักกิ่งไม้รอบๆ เชิงเขา มีหมู่บ้านตั้งห่างประมาณ ๑ กิโลเมตร ได้พักอยู่เป็นเวลาหลายวัน ต่อจากนั้นได้ออกเดินทางตัดข้ามดงใหญ่ซึ่งไม่มีบ้านคนเลยเป็นระยะทางประมาณ ๗๐ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ๒ คืน ระหว่างทางต้องพักนอนกลางดงทั้ง ๒ คืนเพราะไม่มีหมู่บ้านเลย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น