หน้าเว็บ
- หน้าแรก
- ฟังธรรมะ
- YouTube ธรรมะ
- บทกลอนธรรม
- อ่าน-หลวงปู่ฝากไว้
- โปรแกรมคำนวณ
- พระอานนท์พุทธอนุชา
- ธรรมะครูบาอาจารย์
- พระไตรปิฎก
- ธรรมประวัติหลวงปู่จาม
- ฟังสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
- ธรรมบท
- ปฏิทินปักขคณนา ๒๕๖๕ มหามกุฏราชวิทยาลัย
- ปฏิทินปักขคณนา ๒๕๖๔ มหามกุฏราชวิทยาลัย
- หนังสือสวดมนต์วัดเขาถ้ำเทพพิทักษ์
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561
เพลงยาวถวายโอวาท
--------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------- Listen to 01.ธรรมะโอวาท 104 ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ตอนที่ 1 by fungdhamma #np on #SoundCloud https://soundcloud.com/fungdhamma/01-104-1a
| ๏ ควรมิควรจวนจะพรากจากสถาน | |
| จึงเขียนความตามใจอาลัยลาน | ขอประทานโทษาอย่าราคี |
| ด้วยขอบคุณทูลกระหม่อมถนอมรัก | เหมือนผัดพักตร์ผิวหน้าเป็นราศี |
| เสด็จมาปราศรัยถึงในกุฎี | ดังวารีรดซาบอาบละออง |
| ทั้งการุญสุนทราคารวะ | ถวายพระวรองค์จำนงสนอง |
| ขอพึ่งบุญมุลิกาฝ่าละออง | พระหน่อสองสุริย์วงศ์ทรงศักดา |
| ด้วยเดี๋ยวนี้มิได้รองละอองบาท | จะนิราศแรมไปไพรพฤกษา |
| ต่อถึงพระวะษาอื่นจักคืนมา | พระยอดฟ้าสององค์จงเจริญ |
| อย่ารู้โรคโศกเศร้าเหมือนเขาอื่น | พระยศยืนยอดมนุษย์สุดสรรเสริญ |
| มธุรสชดช้อยให้พลอยเพลิน | จะต้องเหินห่างเหทุกเวลา |
| ไหนจะคิดพิศวงถึงองค์ใหญ่ | ทั้งอาลัยองค์น้อยละห้อยหา |
| มิเจียมตัวกลัวพระราชอาชญา | จะใส่บ่าแบกวางข้างละองค์ |
| พาเที่ยวชมยมนามหาสมุทร | เมืองมนุษย์นกไม้ไพรระหง |
| ต่อรอนรอนอ่อนอับพยับลง | จึงจะส่งเสด็จให้เข้าในวัง |
| แต่ครั้งนี้วิบากจากพระบาท | ใจจะขาดคิดหมายไม่วายหวัง |
| มิสูญลับดับจิตชีวิตยัง | จะเวียนบังคมบาทไม่ขาดปี |
| แม้นไปทัพจับศึกก็นึกมาด | จะรองบาทบงกชบทศรี |
| สู้อาสากว่าจะตายวายชีวี | ด้วยภักดีได้จริงทุกสิ่งอัน |
| ขอฉลองสองพระองค์ดำรงรักษ์ | ช่วยฉุดชักชุบย้อมกระหม่อมฉัน |
| ให้ยืนเหมือนเดือนดวงพระสุริยัน | เป็นคืนวันเที่ยงธรรมไม่ลำเอียง ฯ |
| ๏ นิจจาเอ๋ยเคยรองละอองบาท | โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสียง |
| แสนละม่อมน้อมพระองค์ดำรงเรียง | ดังเดือนเคียงแข่งคู่กับสุริยา |
| จงอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล | ให้พระชนม์ยั่งยืนหมื่นพรรษา |
| ได้สืบวงศ์พงศ์มกุฎอยุธยา | บำรุงราษฎร์ศาสนาถึงห้าพัน |
| เหมือนสององค์ทรงนามพระรามลักษณ์ | เป็นปิ่นปักปกเกศทุกเขตขัณฑ์ |
| ประจามิตรคิดร้ายวายชีวัน | เสวยชั้นฉัตรเฉลิมเป็นเจิมจอม |
| จะไปจากฝากสมเด็จพระเชษฐา | จงรักพระอนุชาอุตส่าห์ถนอม |
| พระองค์น้อยคอยประณตนิ่งอดออม | ทูลกระหม่อมครอบครองกันสององค์ |
| อุตส่าห์เรียนเขียนอ่านบุราณราช | ไสยศาสตร์สงครามตามประสงค์ |
| ลำดับศักดิ์จักรพรรดิขัตติวงศ์ | อุตส่าห์ทรงจดจำให้ชำนาญ |
| ด้วยพระองค์ทรงสยมบรมนาถ | บังคับราชการสิ้นทุกถิ่นฐาน |
| กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ | มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน |
| อนึ่งให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง | โคลงเพชรพวงผิดชอบทรงสอบสวน |
| ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร | ทราบให้ถ้วนถี่ไว้จะได้ทูล |
| ทั้งพุทธไสยไตรดาทวายุค | ให้ทราบทุกที่ถวิลบดินทร์สูรย์ |
| พระยศศักดิ์จักเฉลิมให้เพิ่มพูน | ได้พึ่งทูลกระหม่อมของฉันสององค์ |
| แม้นออกวังตั้งใจจะไปอยู่ | สำหรับปูเสื่อสาดคอยกวาดผง |
| ขอพึ่งบุญพูนสวัสดิ์เหมือนฉัตรธง | ได้ดำรงร่มเกล้าทั้งเช้าเย็น |
| แต่ยามนี้มีกรรมจะจำจาก | ด้วยแสนยากยังไม่มีที่จะเห็น |
| เพราะพระเจ้าเยาว์นักต้องรักเร้น | จึงจำเป็นจำพรากจำจากไป |
| ขอพระองค์จงเอ็นดูอย่ารู้ร้าง | ให้เหมือนอย่างเมรุมาศไม่หวาดไหว |
| อย่าหลงลิ้นหินชาติขาดอาลัย | น้ำพระทัยทูลเกล้าจงยาวยืน |
| ถึงร้อยปีมิได้มาก็อย่าแปลก | ให้เหมือนแรกเริ่มตรัสไม่ขัดขืน |
| เช่นงางอกออกไปมิได้คืน | จึงจักยืนยืดยาวดังกล่าวคำ |
| ของพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท | อย่าให้พลาดพลั้งเท้าก้าวถลำ |
| ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ | จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย ฯ |
| ๏ หนึ่งนักปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก | อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย |
| อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน | จึงจักได้รู้รอบประกอบการ |
| หนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ | จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน |
| หนึ่งคนมนตร์ขลังช่างชำนาญ | แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี |
| เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น | จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี |
| ปรารถนาสารพัดในปัถพี | เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง |
| คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง | เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ |
| จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ | อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี |
| แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก | เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี |
| อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี | เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย |
| อันคนดีมีศีลสัตย์สันทัดเที่ยง | ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย |
| เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย | เขารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง |
| อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่ | คงหนีสู้ซ่อนมุ่นในฝุ่นผง |
| แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์ | อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย |
| อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก | แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย |
| แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย | เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ |
| จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด | เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย |
| อันช่างปากยากที่จะมีใคร | เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง |
| จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์ | ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง |
| ครั้นต่ำนักมักจะผิดคิดรำพึง | พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก ฯ |
| ๏ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ | ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก |
| สงวนคมสมนึกในฮึกฮัก | จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย |
| จับให้มั่นคั้นหมายให้วายวอด | ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย |
| ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด | เพียรจงได้ดังประสงค์ที่ตรงตี |
| ธรรมดาว่ากษัตริย์อัติเรก | เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์ |
| เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปัถพี | เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก |
| เหมือนหน่อเนื้อเชื้อวงศ์ที่องอาจ | ย่อมเปรื่องปราชญ์ปรากฏเพราะยศศักดิ์ |
| ผู้ใหญ่น้อยพลอยมาสามิภักดิ์ | ได้พร้อมพรักทั้งปัญญาบารมี |
| ถ้าคร้านเกียจเกียรติยศก็ถดถอย | ข้าไทพลอยแพลงพลิกออกหลีกหนี |
| ต้องเศร้าสร้อยน้อยหน้าทั้งตาปี | ทูลดังนี้กลัวจะเป็นเหมือนเช่นนั้น |
| ด้วยไหนไหนก็ได้มาสามิภักดิ์ | หมายจะรักพระไปกว่าจะอาสัญ |
| จึงทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน | ล้วนสำคัญขออย่าให้ผู้ใดดู ฯ |
| ๏ พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์ | แม้นไม่รักษายศจะอดสู |
| ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้ | ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน |
| อันเผ่าพงศ์วงศาสุรารักษ์ | สามิภักดิ์พึ่งปิ่นบดินทร์สูรย์ |
| ที่สิ่งไรไม่ทราบได้กราบทูล | จึงเพิ่มพูนภาคหน้าปรีชาชาญ |
| ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์ | ปฏิพัทธิ์ผ่อนผันตามบรรหาร |
| ต่างพระทัยนัยน์เนตรสังเกตการ | ตามบุราณเรื่องราชานุวัติ |
| จงพากเพียรเรียนไว้จะได้ทราบ | ทั้งกลอนกาพย์การกลปรนนิบัติ |
| หนึ่งแข็งอ่อนผ่อนผันให้สันทัด | ตามกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงดิน |
| อนึ่งแยบยลกลความสงครามศึก | ย่อมเหลือลึกล้ำมหาชลาสินธุ์ |
| เร่งฝึกฝนกลการผลาญไพริน | ให้รู้สิ้นรู้ให้มั่นกันนินทา |
| อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก | แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา |
| เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา | แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ ฯ |
| ๏ ซึ่งเปรียบปรายหมายเหมือนเตือนพระบาท | ให้เปรื่องปราชญ์ปรีชาศักดาหาญ |
| แม้นหากว่าฝ่าละอองไม่ต้องการ | โปรดประทานโทษกรณ์ที่สอนเกิน |
| ด้วยรักใคร่ได้มาเป็นข้าบาท | จะบำราศแรมร้างไปห่างเหิน |
| เป็นห่วงหลังหวังใจให้เจริญ | ใช่จะเชิญชวนชั่วให้มัวมอม |
| พระมีคุณอุ่นอกเมื่อตกยาก | ถึงตัวจากแต่จิตสนิทสนอม |
| จะจำไปไพรพนมด้วยตรมตรอม | ทูลกระหม่อมเหมือนหนึ่งแก้วแววนัยนา |
| พระองค์น้อยเนตรซ้ายไม่หมายร้าง | พระองค์กลางอยู่เกศเหมือนเนตรขวา |
| ความรักใคร่ไม่ลืมปลื้มวิญญาณ์ | ได้พึ่งพาพบเห็นค่อยเย็นทรวง |
| สามิภักดิ์รักใคร่จะไปเฝ้า | พระทูลเกล้าก็ยังอยู่ที่วังหลวง |
| จะสั่งใครไปเล่าเขาก็ลวง | ต้องนิ่งง่วงเหงาอกตกตะลึง |
| ครั้นหาของต้องประสงค์ส่งถวาย | ก็สูญหายเสียมิได้เข้าไปถึง |
| ทุกค่ำเช้าเศร้าจิตคิดรำพึง | ด้วยลึกซึ้งสุดจิตจะติดตาม |
| จะร่ำลักษณ์อักษรเป็นกลอนกาพย์ | ทูลให้ทราบสิ้นเสร็จก็เข็ดขาม |
| กตัญญูสู้อุตส่าห์พยายาม | ไม่ลืมความรักใคร่อาลัยลาน |
| ถึงลับหลังยังช่วยอวยสวัสดิ์ | ให้สมบูรณ์พูนสมบัติพัสถาน |
| คอยถามข่าวชาววังฟังอาการ | ได้ทราบสารว่าเป็นสุขทุกพระองค์ |
| พลอยยินดีปรีดาประสายาก | เหมือนกาฝากฝ่าพระบาทดังราชหงส์ |
| ไม่หายรักมักรำลึกนึกจำนง | ไม่เห็นองค์เห็นแต่ฟ้าก็อาวรณ์ |
| จึงพากเพียรเขียนความตามสุภาพ | หวังให้ทราบเรื่องลักษณ์ในอักษร |
| จะได้วางข้างพระแท่นแทนสุนทร | ที่จากจรแต่ใจอาลัยลาน |
| ซึ่งทูลเตือนเหมือนจะชูให้รู้รอบ | ขอความชอบตราบกัลปาวสาน |
| อย่าฟังพ้องสองโสตจงโปรดปราน | ด้วยลมพาลพานพัดอยู่อัตรา |
| จงสอดส่องตรองตรึกให้ลึกซึ้ง | เป็นที่พึ่งผ่อนผันให้หรรษา |
| ถึงแม้นมาตรขาดเด็ดไม่เมตตา | กรุณาแต่หนังสืออย่าถือความ ฯ |
| ๏ อนึ่งคำนำถวายหมายว่าชอบ | แม้นทรงสอบเสียวทราบว่าหยาบหยาม |
| อย่าเฉียวฉุนหุนหวนว่าลวนลาม | เห็นแต่ความรักโปรดซึ่งโทษกรณ์ |
| แม้นเห็นจริงสิ่งสวัสดิ์อย่าผัดเพี้ยน | เร่งร่ำเรียนตามคำที่พร่ำสอน |
| ดูดินฟ้าหน้าหนาวฤๅคราวร้อน | เร่งผันผ่อนพากเพียรเรียนวิชา |
| ซึ่งประโยชน์โพธิญาณเป็นการเนิ่น | พอจำเริญรู้ธรรมคำคาถา |
| ถือที่ข้ออรหัตวิปัสสนา | เป็นวิชาฝ่ายพุทธนี้สุดดี |
| ข้างฝ่ายไสยไตรเพทวิเศษนัก | ให้ยศศักดิ์สูงสง่าเป็นราศี |
| สืบตระกูลพูนสวัสดิ์ในปัถพี | ได้เป็นที่พึ่งพาเหล่าข้าไท ฯ |
| ๏ ซึ่งทูลความตามซื่ออย่าถือโทษ | ถ้ากริ้วโกรธตรัสถามตามสงสัย |
| ด้วยวันออกนอกพรรษาขอลาไป | เหลืออาลัยทูลกระหม่อมให้ตรอมทรวง |
| เคยฉันของสองพระองค์ส่งถวาย | มิได้วายเว้นหน้าท่านข้าหลวง |
| จะแลลับดับเหมือนดังเดือนดวง | ที่แลล่วงลับฟ้าสุธาธาร |
| ถึงมาเฝ้าเล่าที่ไหนจะได้เห็น | ด้วยว่าเป็นขอบเขตนิเวศน์สถาน |
| จะตั้งแต่แลลับอัประมาณ | เห็นเนิ่นนานนึกน่าน้ำตากระเด็น |
| ต่อโสกันต์วันพระองค์ทรงสิกขา | จะได้มานอบนบได้พบเห็น |
| ให้ใช้สอยคอยเฝ้าทุกเช้าเย็น | มิให้เต้นโลดคะนองทั้งสององค์ |
| ด้วยเหตุว่าฝ่าพระบาทได้ขาดเสร็จ | โดยสมเด็จ[๑]ประทานตามความประสงค์ |
| ทูลกระหม่อมยอมในพระทัยปลง | ถวายองค์อนุญาตเป็นขาดคำ |
| ในวันนั้นวันอังคารพยานอยู่ | ปีฉลูเอกศกแรมหกค่ำ[๒] |
| ขอละอองสองพระองค์จงทรงจำ | อย่าเชื่อคำคนอื่นไม่ยืนยาว |
| อย่างหม่อมฉันอันที่ดีแลชั่ว | ถึงลับตัวก็แต่ชื่อเขาลือฉาว |
| เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว | เขมรลาวลือเลื่องถึงเมืองนคร |
| แผ่นดินหลังครั้งพระโกศก็โปรดเกศ | ฝากพระเชษฐา[๓]นั้นให้ฉันสอน |
| สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญของสุนทร | ฟ้าอาภรณ์แปลกพักตร์อาลักษณ์เดิม |
| หากสมเด็จเมตตาว่าข้าเก่า | ประทานเจ้าครอกฟ้าบูชาเฉลิม |
| ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมเหมือนจอมเจิม | จะขอเพิ่มพูนพระยศให้งดงาม |
| เผื่อข้าไทไม่มีถึงที่ขัด | กับหนูพัดหนูตาบ[๔]จะหาบหาม |
| สองพระองค์จงอุตส่าห์พยายาม | ประพฤติตามแต่พระบาทมาตุรงค์ |
| รักพระยศอตส่าห์รักษาสัตย์ | พูนสวัสดิ์สังวาสตามราชหงส์ |
| เห็นห้วยหนองคลองน้อยอย่าลอยลง | จะเสียทรงสีทองละอองนวล |
| สกุลกาสาธารณ์ถึงพานพบ | อย่าควรคบคิดรักศักดิ์สงวน |
| เหมือนชายโฉดโหดไร้ที่ไม่ควร | อย่าชักชวนชิดใช้ให้ใกล้องค์ |
| อันนักปราชญ์ราชครูเหมือนคูหา | เป็นที่อาศัยสกุลประยูรหงส์ |
| จงสิงสู่อยู่แต่ห้องทองประจง | กว่าจะทรงปีกกล้าถาทะยาน |
| ขึ้นร่อนเร่เวหนให้คนเห็น | ว่าชาติเช่นหงสาศักดาหาญ |
| ได้ปรากฏยศยงตามวงศ์วาน | พระทรงสารศรีเศวตเกศกุญชร |
| ควรมิควรส่วนผลาอานิสงส์ | ซึ่งรูปทรงสังวรรัตน์ประภัสสร |
| ให้สี่องค์ทรงมหาสถาวร[๕] | ถวายพรพันวษาขอลาเอย ฯ |
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)